ผู้แต่ง 烟雨芳汀
แปล 吹雪 Chuixue
*หัดแปล*
จำนวนตอน 753 ตอน
มู่หยุนเหยาปลอบโยนซูชิง ในเวลาเดียวกันก็ปลอบใจตัวเอง เวลาสี่วันน่าจะเพียงพอให้นางเตรียมตัวแล้ว
“เหยาเอ๋อ…” ซูชิงกอดไปร้องไห้ไปจนเหนื่อยหอบ สักพักหนึ่งค่อยนึกได้ “เหยาเอ๋อ บาดแผลลูกเป็นอย่างไรบ้าง….”
แผลที่หลังหัวตอนนี้กลายเป็นสีคล้ำ แต่นางไม่แสดงอาการอะไรออกมา ได้แต่ส่ายหัวเล็กน้อย “ท่านแม่ ไม่เป็นไร”
“เลือดยังไหลมาไม่หยุด ลูกยังบอกว่าไม่เป็นไร?” ซูชิงรีบลุกขึ้น เอาน้ำมาช่วยนางเช็ดบาดแผล เปลี่ยนผ้าใหม่อีกครั้ง น้ำตาไหลรัวๆ ไหลลงมาเป็นสาย “แม่ผัว…นาง...นางช่างจิตใจร้ายกาจ”
มู่หยุนเหยามองดูซูชิง โผลเข้าอ้อมแขนนาง “ท่านแม่ ไม่ต้องใส่ใจหญิงแก่นางนี้ คนชั่วแบบนั้น สักวันฟ้าต้องจัดการ แม้ว่าสวรรค์ยังไม่จัดการนาง นางก็ต้องถูกสวรรค์กำจัดแน่นอน”
ลูกสาวนางปกติเป็นคนไร้เดียงสา จิตใจอ่อนโยน กลับพูดคำเหล่านี้ซูชิงได้ฟังถึงกับตะลึง ทั้งรู้สึกเป็นทุกข์ เหยาเอ๋อยังเด็ก ถ้าไม่ใช่เพราะถูกหลี่ซื่อบีบบังคับถึงจุดนี้ เด็กคนนี้ก็คงไม่กลายเป็นแบบนี้
ภายใต้อ้อมแขนของซูชิง ในใจมู่หยุนเหยารู้สึกขอบคุณสวรรค์
ท่านแม่ในความทรงจำนาง ปกติเป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตน มีรูปลักษณ์ของคนมีวิชาความรู้ กิริยาท่วงท่ามีเสน่ห์ที่ไม่เหมือนชาวบ้าน ผู้คนมากมายต่างซุบซิปนินทา กล่าวว่านางเสแสร้งแกล้งทำ ว่านางทำอะไรไม่ได้ ทำงานการก็ไม่เป็น ทำตัวเหมือนหญิงรับใช้คุณหนู
ภายหลังคนตระกูลซูมา ภาพเหตุการณ์ที่อลังการนั้น สถานการณ์ที่สูงส่งหรูหราเหล่านั้น ผู้คนที่มีตำแหน่งในเมืองเหลียนเซียนต่างก้มหัวให้ความเคารพ นางถึงได้รู้ว่า เดิมที แม่ของนางคือคุณหนู เป็นคุณหนูของตระกูลซู!
ทว่า แม่ของนางไม่ทันได้อยู่ถึงตอนคนในตระกูลซูมา เพราะต้องปกป้องนาง ถูกคนเหล่านั้นสร้างความอัปยศและทรมารจนตาย! ถึงแม้ว่าตัวนางหลบหนีไปได้ แต่นางก็กลายเป็นคนพิการ ถ้าไม่ใช่หนีมาจากเศรษฐีจางผู้อื้อฉาวแบบฉิวเฉียด นางก็คงถูกจับกลับไปทรมารจนตายแล้ว
ท่านแม่จากไปแล้ว นางก็กลับกลายเป็นคนพิการ ได้แต่พึ่งพาหลี่ซื่อเพื่อให้มีชีวิตต่อ แต่หลี่ซื่อเดิมทีก็ไม่อยากดูแลนาง เห็นนางขาหักใช้งานอะไรไม่ได้ ยิ่งอารมณ์ไม่ดี ไม่ว่าจะทำอะไรก็ทำร้ายนาง
จนคนในหมู่บ้านรับไม่ได้ เรี่ยไรเงินเพื่อเชิญหมอในเมืองมาดู แต่นางกลับไม่ให้เข้าบ้าน ด่าว่าผู้คนจนจากไป ตัวนางได้แต่ลากร่างที่พิการนั่งรอความตาย โชคดี โชคชะตานางยังพอมี สุดท้ายขาที่ตกจนพิการได้มีอาการดีขึ้น
หลายปีผ่านไป นางกล่าวได้ว่าหนึ่งวันเหมือนหนึ่งปี ไม่รู้กี่ครั้งครา นางมองที่แสงในกองไฟ คิดอยากเอาไฟมาเผาหลี่ซื่อและตัวนางเอง เพียงแต่นางทำไม่ได้ ชีวิตของนางเป็นชีวิตของท่านแม่แลกมา ไม่ว่าจะขมหรือยากลำบากเท่าไร่ นางต้องมีชีวิตต่อไป
ปีครึ่งให้หลัง คนในตระกูลซูมา เสื้อผ้าสีสรรสดใส รถม้าใหญ่ คนที่เหมือนนางฟ้าเหล่านั้นเดินขบวนเหมือนลอยไปมา คำพูดคำจาอ่อนโยนสง่างาม กล่าวคำพูดที่อ่อนโยนว่ามารับนางกลับไปมีชีวิตที่ดี
นางแทบไม่เชื่อ ระหว่างทางอยู่ไม่สุข แม้จะกล่าววาจายังไม่กล้าพูดสักคำ รอจนถึงตระกูลซู ได้เห็นความหรูหราอลังการนั้น นางยิ่งรู้สึกต่ำต้อย ตัวสั่นด้วยความกลัวทั้งวัน
“ตระกูลซู?” มู่หยุนเหยาหัวร่อในใจ “ทั้งหมดนั้นเป็นปีศาจในคราบมนุษย์!”
ภายหลังเข้าตระกูลซู นางรู้สึกเข้ากันไม่ได้ ต่อมา ไม่รู้ว่าใครได้แพร่กระจายข่าวที่นางเคยอยู่คฤหาสน์จางออกมา นางยิ่งก้าวเข้าสู่ตม ขากลับมาพังอีก ชื่อเสียงก็ถูกทำลายแล้ว ซ้ำยังเชื่อคนผิดอีก เพื่อจะอยู่ต่อไป ได้แต่อาศัยจุดเด่นเรื่องรูปร่างหน้าตาของตัวเอง ก้าวเข้าสู่กระแสวังวนมหันตภัยที่ลึกไร้ขอบเขต
ณ เวลานั้นนางเพียงได้รับคำสั่งสอนจากท่านพ่อไม่กี่คำ ทั้งไม่ได้เรียนหนังสือ ไม่เข้าใจภาษา ยิ่งไม่เข้าใจในความหมายของภาพบทกวี หรือการซาบซึ้งในศิลปะ
ดังนั้น นางเลยตั้งใจกับตัวเองอย่างแน่วแน่ ไม่เป็นก็ศึกษา ไม่เชี่ยวชาญก็ฝึกฝน เร่งก้าวไปที่ละก้าวด้วยเลือดและน้ำตาจนผ่านมาได้ แต่ก็โชคร้าย ท้ายที่สุดนางยังประเมินจิตใจคนอื่นต่ำไป ทั้งยังประเมินค่าตัวเองสูงไป ในที่สุดก็กลายเป็นอย่างท่านแม่ ถูกจัดฉากให้กลายเป็นไส้ศึกที่ถูกทรมารจนตาย
ช่วงเวลาที่จะตาย นางคิดว่าทำไมไม่ตายที่บ้านตระกูลซูแต่แรก อย่างน้อยก็สามารถทำให้นางจากไปอย่างขาวสะอาด
นึกถึงฉากการตายสุดท้ายของตัวเอง นางรู้สึกเจ็บปวดกระเพราะกะทันหัน สีหน้าซีดขาวทันที
ซูชิงกอดนาง เห็นนางแบบนี้น้ำตาไหลอย่างรุนแรง “เหยาเอ๋อ ลูกเป็นอะไรไป ลูกอย่าทำให้กลัว…”
มู่หยุนเหยาได้สติทันที สายตาที่สิ้นหวังค่อยๆสลายหายไป ความรู้สึกค่อยๆคืนกลับมาที่แววตา มันไม่เหมือนเดิมแล้ว ตอนนี้เรื่องทั้งหมดยังเคยไม่เกิดขึ้น นางยังมีโอกาสเปลี่ยนแปลงอยู่ ชีวิตในครั้งนี้ นางต้องปกป้องท่านแม่ให้ได้ ปกป้องตัวเองให้ดี ทำให้คนที่สบประมาทตัวเองเหล่านั้นจ่ายค่าตอบแทนคืนทั้งหมด
“ท่านแม่ ข้าไม่เป็นไร ท่านแม่รีบล้างหน้าล้างตา ดูท่าน ร้องไห้จนไม่สวยแล้ว” มู่หยุนเหยากล่าวจบ ที่แก้มสีขาวของนางมีรอยฝ่ามือบวมแดง ตอนนี้ค่อยๆกลายเป็นสีม่วง รอยแผลที่แก้มที่ถูกกรีดด้วยเศษถ้วยก่อนหน้านี้ ดูแล้วช่างน่าตกใจ แต่นางกลับไม่สนใจเหมือนไม่ใช่ร่างของตัวเอง สักพักเม้มปากสนิท ตอนทายาสมานแผล เจ็บจนหายใจอย่างรุนแรง