หลี่ซื่อถูกการแสดงออกที่น่ากลัวของนาง อดไม่ได้ที่จะถอยหลังไปหนึ่งก้าว
มู่หยุนเหยารีบเดินไปที่ข้างโต๊ะ ขว้างถ้วยจีนหนึ่งใบแตก เอาเศษถ้วยกดลงไปบนหน้า มองไปที่หลี่ซื่ออย่างโกรธแค้น “เศรษฐีจางก็เอาเงินที่ซื้อตัวข้าให้แก่แกแล้วใช่ไหม ถ้าหากว่าข้าทำให้ใบหน้าเสียหาย แกจะอธิบายกับมันยังไง?”
หลี่ซื่อเบิกตากว้าง “แก… แกพูดจาเพ้อเจ้ออะไร ตอนไหนที่ข้า…” นังตัวดีนี้มันรู้ได้ยังไง?
มู่หยุนเหยาเพิ่มแรงกดลงไป เศษถ้วยเจาะทิ่มเข้าไปที่ใบหน้ารูปไข่ เลือดไหลออกมาทันที โดยเฉพาะบนแก้มดุจลูกบอลหิมะนั้น
มู่หยุนเหยานั้นมีชื่อเสียงเลื่องลือด้านความงามถึงหมู่บ้านอื่นไกลถึงสิบแปดลี้ ยังไม่ต้องพูดถึงรูปร่างหน้าตาที่ดูอรชรอ้อนแอ้น แค่กล่าวถึงผิวพรรณนาง ที่ละเอียดดุจใยไหม ผิวขาวไร้ที่ติ นุ่มราวกับเต้าหู้ ถ้าหยิกมาดูอาจจะมีน้ำไหลออกมา ในทุกๆวันไม่รู้มีกี่คนที่คอยชะเง้อคอแอบมอง
“แกหยุดมือ!” หลี่ซื่อตื่นตกใจ นางเอาเงินห้าสิบตำลึงจากเศรษฐีจางแล้ว ในนั้นครึ่งนึงเป็นค่าตัวของมู่หยุนเหยา ถ้าหากว่าในไม่กี่วันนี้ ไม่สามารถส่งมอบนางไป นางไม่ใช่แค่ต้องสูญเสียเงินไป นางยังต้องโดนเศรษฐีจางทำโทษอย่างไม่ต้องสงสัย ชีวิตในหมู่บ้านหุบเขาเล็กๆ ถ้าถูกเศรษฐีจางเอาผิด ก็เท่ากับถูกตัดเส้นทางการทำมาหากิน
มู่หยุนเหยาเพิ่มแรงกดเศษถ้วยลงไปอีก “แกตีข้ากับแม่ข้าจนร่างกายบาดเจ็บ เศรษฐีจางเห็นเข้า ต้องไม่พอใจแน่นอน ถึงเวลานั้น ไม่แน่อาจจะให้แกต้องคืนเงินชดใช้ส่วนนึง ทางที่ดีแกยืดเวลาออกไปอีกสี่วัน ในสี่วันนี้ พวกข้าอาการดีขึ้น ค่อยไปที่คฤหาสน์จาง ไม่แน่อาจจะช่วยพูดให้แกได้เงินเพิ่มอีกเล็กน้อย”
หลี่ซื่อเดิมทีเบิกตากว้างไม่เห็นด้วย ได้ยินถึงตอนท้ายดีใจจนเกือบกระโดดโลดเต้นขึ้นมา “คำพูดแกนี้เป็นความจริง?”
“หลอกแกให้ได้อะไร?”
“ดี ข้าได้แต่เชื่อผีดูดเลือดนี้อีกครา ทว่า ถ้าพวกแกเล่นลูกไม้อะไรขึ้นมา ข้าก็แค่จับพวกแก ตัดขาขายให้กับซ่องนางโลม ขายตัวให้ผู้ชายคนเดียว หรือจะขายให้ผู้ชายเป็นฝูง พวกแกต้องคิดให้ดี?”
หลี่ซื่อครางเสียงเย็นชา หวังว่าตัวซวยนี้ไม่ย้อนกลับคืนมาใจกลางฝ่ามืออีก อาจจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น ถึงเวลานั้นอาจจะขอเงินเพิ่มได้อีกหน่อย
ซูชิงได้ยินคำพูดเหล่านี้ ไร้คำพูดจะกล่าว เกือบจะเป็นลมไป นางเป็นสะไภ้ตะกูลมู่ มู่หยุนเหยาเป็นลูกหลานตะกูลมู่ แม่ผัวทำไมทำร้ายกันอย่างนี้
มู่หยุนเหยาส่งสายตารังเกียจเดียดฉันท์ ส่งเสียงเย็นชา “รีบไสหัวไป!”
หลี่ซื่อหัวเราะเยาะ จัดแจงเสื้อผ้า แถมยังตบเบาๆให้เรียบร้อย “เป็นแค่รังตัวซวย คิดหรือว่าข้าจะยอมอยู่ที่นี่ ได้แต่ทำให้พื้นรองเท้าข้าแปดเปื้อน เฮอะ!”
รอจนหลี่ซื่อถุยน้ำลายเสร็จ พาร่างกร่างจากไป ซูชิงทนไม่ไหวทรุดนั่งลงกับพื้น ส่งเสียงสะอื้นคร่ำครวญ “เหยาเอ๋อ เหยาเอ๋อที่น่าสงสารของข้า มู่เฉิง ท่านพี่ทำไม่ทิ้งพวกเราสองแม่ลูกไปแบบนี้...”
มู่หยุนเหยาทิ้งเศษถ้วยลง เอาแขนที่บอบบางคู่นั้นกอดซูชิงด้วยความสั่นเทา “ท่านแม่ไม่ร้อง ท่านแม่ไม่ร้อง เหยาเออต้องปกป้องท่านแม่ ใครก็ไม่สามารถมาข่มเหงรังแกท่านได้!”
สิ่งสำคัญในชีวิตตอนนี้ ท่านแม่ต้องอยู่รอดปลอดภัย ต้องไม่ปล่อยให้เกิดโศกนาฎกรรมกับนางซ้ำรอยอีก คนที่เป็นเจ้าหนี้นางเหล่านั้น คนที่ติดหนี้นางเหล่านั้น นางต้องค่อยๆทยอยเอาคืนให้หมด
นางมองเปลือกตาล่าง มีน้ำใสหล่อลื่นในสายตาคู่นั้น เหมือนกับจมลงไปในความมืดหม่นอย่างลึกซึ้ง คล้ายๆกับว่าผีที่ขึ้นมาจากนรก
ซูชิงร้องไห้อีกครู่หนึ่ง รีบคืนสติกลับมา “เหยาเอ๋อ เศรษฐีจางจิตใจไม่ปกติ ลูกต้องไม่ไปที่คฤหาสน์จาง ถึงแม้ลูกจะฉลาด ยื้อได้อีกสี่วัน ตอนนี้แม่จะปกป้องลูก ให้ลูกหนีไป สามารถไปไกลแค่ไหนก็หนีไปเท่านั้น แม่มีเงิน… ใช่ ยังมีเงินอยู่ สามารถเอาเป็นค่าเดินทาง….”
ซูชิงรีบไปค้นตู้ นางตายได้ แต่ลูกนางต้องไม่เป็นอะไร นางเป็นลูกคนเดียวของนาง นางนับว่าหมดหวังในชีวิตแล้ว แต่ยังต้องปกป้องลูกของนาง นางค้นหาในกล่องเท่าไร่ ก็หาเงินเก็บห้าตำลึงไม่เจอ “ทำไมถึงไม่มี แม่จำได้ว่าเก็บไว้ที่นี่…”
มู่หยุนเหยาเข้าไปพยุงนาง ใช้ตัวเล็กๆ ร่างกายที่บอบบางนั้นกอดซูชิงไว้ ”ท่านแม่ ไม่ต้องหาแล้ว เงินต้องเป็นหลี่ซื่อหญิงแก่นั้นแอบเอาไป”
“แม่ผัว…. นางทำไม นางทำไมทำแบบนี้!” ซูชิงในใจเต็มไปด้วยความสิ้นหวังและรังเกลียด นางเกลียดตัวเองที่ผู้ชายของนางตายจากไปเร็ว เกลียดตัวเองที่ไม่รู้หน้าของหลี่ซื่อเร็วกว่านี้ เกลียดตัวเองที่วันนี้ทำอะไรไม่ได้สักอย่าง
“ท่านแม่ไม่ต้องกลัว ไม่ว่าจะเป็นคฤหาสน์จาง หรือจะเป็นถ้ำเสือบึงมังกร!” ถึงเวลานั้น ใครตาย ก็ยังไม่รู้แน่!