มู่หยุนเหยารีบจับมือปลอบนาง “ท่านแม่ไม่ต้องกลัว พวกเราแค่ตีหัวขโมยเท่านั้น ตอนนี้ไปจุดตะเกียงกัน”
น้ำเสียงของนางแม้อ่อนโยนแต่ก็มั่นคง นำพาซึ่งพลังเงียบบางอย่าง ทำให้ซูชิงอดไม่ได้ที่จะใจสงบขึ้น ถึงแม้การเคลื่อนไหวจะสั่นเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็จุดไฟได้สำเร็จ พอยกตะเกียงขึ้นมาดูเงาที่พื้นชัดๆ ซูชิงอดะส่งเสียงร้องออกมาไม่ได้ “เลือด… เลือด….”
บนพื้นเผยร่างหลี่ซื่อที่ถูกตีจนไม่ได้สติ บนหัวมีรอยแตกที่หนึ่ง คงจะเป็นบาดแผลจากกระโถนฟาด เลือดไหลออกมา แสงไฟจากตะเกียงสลัวๆ ดูน่าสะพรึงกลัวเหมือนวิญญาญผีร้าย
มู่หยุนเหยารับตะเกียงน้ำมันมา ยกไปทางหัวหลี่ซื่อ แววตาที่เย็นชานั้นหนาวเย็นจนแทงเข้ากระดูก ณ ตอนนั้น แค่อยากเอียงตะเกียงลงเล็กน้อย แสงไฟก็ส่องไปที่ร่างของหลี่ซื่อ คิดว่าถ้าเพิ่มไฟอีกสักหน่อย คนก็คงโดนเผาไปทั้งแบบนี้ ฝันร้ายนี้ก็คงจะหายไป
“เหยาเอ๋อ!”
เสียงอุทานของซูชิงทำให้มู่หยุนเหยาได้สติ ชั่วพริบตาที่ตะเกียงในมือ แสงไฟสั่นไหวไปมา นางรีบยับยังชั่งใจ คิดจะฆ่าหลี่ซือนั้นง่าย แต่ถ้าต้องการให้พ้นข้อสังสัยนั้นยาก ตัวนางนั้นสามารถเสี่ยงได้ แต่ท่านแม่ไม่ได้ นางสาบานว่าจะปกป้องนาง ก็ต้องปกป้องโดยไร้ที่ติ แต่ว่า ให้ตายนั้นง่ายกว่า ที่ยากคือให้มีชีวิตอยู่อย่างไร กล่าวถึงหลี่ซื่อ การตายนั้นง่ายไปสำหรับนาง!
มู่หยุนเหยากระพริบตา พอหันกลับไปความเยือกเย็นในดวงตาก็สลายหายไป กลับมาเป็นอ่อนแอไร้พิษสงดังเดิม “ท่านแม่ ท่าน….”
“เหยาเอ๋อ!” ซูชิงอุทานออกมา ถัดจากนั้นมู่หยุนเหยาก็รู้สึกเจ็บที่หนังศรีษะ ปรากฏว่าเป็นหลี่ซื่อตื่นขึ้นมา จับผมของนาง กางมือทำท่าจะตบเหมือนในตอนเช้า
“แกกล้า!” มู่หยุนเหยาตะคอก แม้น้ำเสียงอ่อนแอแต่แฝงแววเจตนาฆ่าจนน่าตะลึง
หลี่ซื่อสั่นสะท้าน พอเจอสายตาที่เย็นชาสุดหยั่งคาดคู่นั้นของมู่หยุนเหยา พลันรู้สึกเสียวไปที่คอ ทำให้นางหายใจแทบไม่ออก “แก...แกนังสารเลว แก…”
นังเด็กนี่ทำไมถึงดูร้ายกาจแบบนี้?
มู่หยุนเหยายิ้มเยาะแสยะ แสงไฟส่องบนหน้านางทำให้เห็นรอยฟกช้ำ ยิ่งทำให้ดูน่าขนลุก “แกกล้าตีข้า ข้าก็แค่เอาน้ำมันราดใส่แก หลังจากนั้นก็จุดไฟเผาแกซะ!”
“แกนังสารเลว ใจดำอํามหิตจริงๆ แกกล้าทำแบบนี้กับข้า ข้าเป็นย่าแกนะ!” หลี่ซื่อปากแข็ง ในใจรู้สึกประหม่า “ถ้ารู้แต่แรกว่าแกมันเป็นสัตว์ประหลาด ตอนที่แกเกิดออกมา น่าจะรัดคอแกตายไปแล้ว!”
“แต่ แกก็ไม่ได้รัดคอข้าตาย วันนี้คนที่ต้องตายก็คือแก! หลังจากเข้าไปในคฤหาสน์จางไม่มีทางที่ข้าจะอยู่รอดได้ ตัดปัญหาเสียแต่วันนี้แล้วลากแกตายไปด้วยกัน ลงไปสู่นรก ทั้งยังได้เห็นท่านยมบาลพิพากษาแกที่ข่มเหงรังแกลูกสะไภ้ และหลานสาวของหญิงแก่ ดึงลิ้นควักลูกตา ดึงผิวออกจากกระดูก แล้วโยนเข้านรกอเวจี ไม่ได้ผุดไม่ได้เกิดชั่วกัปชั่วกัลป์”
หลี่ซื่อตื่นตกใจ จนผลักมู่หยุนเหยาไปด้านข้าง “แกนังสารเลว แก… ยังไงแกก็ต้องไปคฤหาสน์จางอยู่แล้ว ตอนนี้ข้าไม่จำเป็นต้องต่อปากต่อคำกับแก เศรษฐีจางเป็นคนที่ชอบสาวพรหมจรรย์ที่สุด แกเนื้อนุ่มละเอียดเหมือนเต้าหู้ทั้งตัว ผ่านมือเขาครั้งหนึ่ง หาความบริสุทธิ์ของชีวิตไม่เจอ มีชีวิตอยู่ไปก็เหมือนตาย แกยังจะปากคอเราะร้ายอีก!”
หลี่ซื่อในใจขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ก่อนหน้านี้เจอเงินห้าตำลึงในตู้เสื้อผ้า นางกลับไปแล้วนอนไม่หลับ คิดแต่ว่ามีเงินซ่อนตรงไหนอีกไหม เลยกลับมาดูอีกรอบ เพราะยังไงเงินพวกนี้ก็เป็นลูกชายหามาก่อนตาย นางมาด้วยความกระหยิ่มยิ้มย่อง ใครจะไปรู้ นอกจากคว้าเงินไม่ได้ ซ้ำกลับมาโดนตีอีก
มู่หยุนเหยาถูกดันจนซวนเซ ตะเกียงในมือแกว่งไปมาจนแสงไฟดับไป ทันใดนั้นเกิดความมืดในห้องทันที แค่ได้ยินเสียงพ่นลมหายใจของหลี่ซื่อ พริบตานั้นก็มีความคิดปราดเข้ามา มู่หยุนเหยากำหมัดแน่น ตามความทรงจำเดิมก่อนหน้านี้ ก้มลงคลำไม้เท้าบนพื้น แล้วฟาดไปที่ขาของหลี่ซื่ออย่างแรง
หลี่ซื่อไม่ทันป้องกัน ถูกฟาดจนล้มลงกับพื้น มู่หยุนเหยาไม่ปล่อยโอกาสให้นางลุกขึ้นยืน ใช้แรงผสมความโกรธแค้นและชิงชังลงไปทั้งตัว แต่ละไม้ฟาดไปที่ขาหลี่ซื่ออย่างรุนแรง ได้แต่ยินเสียงอู้อี้ของกระดูก หลี่ซื่อส่งเสียงเหมือนหมูโดนเชือด “อา นังสารเลว ข้าจะฆ่าแก ฆ่าแกให้ได้!”
มู่หยุนเหยาไม่สนใจนาง เดินไปถึงข้างโต๊ะอย่างใจเย็นคลำเอาพับไฟ ฉีกเศษผ้ามาจุด หลังจากนั้นก็เทน้ำมันให้ไฟลามไปทุกทิศทาง ไม่ทันไรทั้งบ้านก็ถูกไฟเผาแล้ว