ตอนที่ 9 ตีขาแกหัก
“นังสารเลว ถ้าแกอยากตายก็ไม่ต้องข้าไปด้วย แกมันคนบาปหนา แกอยากเผาข้าตาย?” เปลวไฟลามไปทุกทิศทาง หลี่ซื่อตื่นตกใจ กรีดร้องไปพลางคลานไปข้างนอกไปพลาง สีหน้าตื่นตะหนก
มู่หยุนเหยาเดินไปทางหลี่ซื่อในท่ามกลางเปลวไฟ สายตาที่ตื่นตระหนกของนาง เห็นตู้เสื้อผ้าล้มมาทับขาข้างที่หักของหลี่ซื่ออย่างรุนแรง “อา...อา…”
เสียงกรีดร้องเสียดแทงทะลุแก้วหูจนสั่นสะเทือน แผ่กระจายออกไปไกลท่ามกลางค่ำคืนอันเงียบสงัด
“เหยา...เหยาเอ๋อ…” ซูชิงสั่นสะท้าน มองมู่หยุนเหยาด้วยแววตาซับซ้อนสุดบรรยาย
มู่หยุนเหยาเงยหน้าขึ้น สายตาที่ดุร้ายรุนแรงได้จางหายไป ชั่วพริบตานั้นหยดน้ำตารินไหลออกมาแทนที่ “ท่านแม่ ข้าโดนบังคับให้ไม่มีทางเลือก เพราะข้าต้องป้องกันตัวเอง ท่านเชื่อข้า ข้าไม่ทำร้ายท่านแน่นอน”
นางกลัวซูชิงจะรู้สึกว่านางโหดเหี้ยมอำมหิต คิดว่านางเป็นปีศาจเลือดเย็น แต่นางก็ไม่มีทางอื่น นางไม่สามารถอดรนถึงสี่วันให้ซูชิงไปตายได้ ดังนั้น นางต้องเปลี่ยนแปลง แม้ว่าในการเปลี่ยนแปลงนั้นจะต้องย้อมไปด้วยเลือดก็ตาม และนางไม่สามารถนั่งรอความตายอย่างเดียวได้ ดังนั้น นางต้องใช้หลี่ซื่อ มาฆ่าเศรษฐีจางผู้แสนชั่วช้านั้น ได้แต่ทำแบบนี้นางและท่านแม่ถึงจะปลอดภัย
“เหยาเอ๋อไม่ต้องกลัว เหยาเอ๋อไม่ต้องกลัว เป็นแม่เองที่จุดไฟ เป็นแม่เองที่ตีคน ลูกหนีไปก่อน รีบไป!” ซูชิงโอบกอดมู่หยุนเหยาไว้ในอ้อมแขนแนบแน่น แต่นางกลัวมาก กลัวจนสั่นไปทั้งตัว คิดจะเอ่ยปากยังแทบไม่ไหว แต่จะให้นางทำลายลูกตัวเอง นางทำไม่ได้ “เหยาเอ๋อ อาศัยโอกาสนี้ หลบหนีไป ยิ่งไกลยิ่งดี แล้วไม่ต้องกลับมาอีก!”
ซูชิงมองหลี่ซื่อ ในสายตามีแต่ความชิงชัง ปกตินางเป็นคนที่ไม่แสดงอารมณ์รุนแรง เพียงแต่ทุกวันนี้ถูกด่าตีบ่อยๆ แถมแม่ผัวยังจะมาขายลูกสาวของนางแลกกับเงินอีก เป็นครั้งแรกที่เจ็บปวดเหมือนเลือดหยดออกจากใจ
หลายปีมานี้ มู่เฉิงกับมู่หยุนเหยาเป็นที่พึ่งทางใจนาง แม้วันนี้ มู่เฉิงตายจากไปแล้ว ยอดดวงใจของนางได้พังทลายลง แต่นางไม่เข้มแข็งไม่ได้ เพราะความเป็นแม่คนของนาง นางต้องอยู่ปกป้องลูกของตัวเอง! แม้ต้องแลกทั้งชีวิต นางต้องผลักลูกสาวออกจากขุมนรกนี้ให้ได้
“ไม่ ท่านแม่ ท่านโปรดวางใจ พวกเราต้องไม่ตาย ครั้งนีพวกเราต้องมีชีวิตที่ดีกว่า คนตายต้องเป็นมัน เป็นพวกมัน เป็นคนที่ต้องขอโทษพวกเราเหล่านั้น!” สายตาที่เย็นชาของมู่หยุนเหยามองลงไปที่หลี่ซื่อบนพื้นแฝงไปด้วยความโหดเหี้ยมสุดบรรยาย
อากาศแห้งแล้งในฤดูหนาว และไม้ที่สร้างบ้านมาแล้วหลายปีนั้น เพียงแค่จุดไฟนิดเดียวไฟก็ลามท่วมทุ่งไม่สามารถที่จะหยุดยั้งได้ เพียงไม่นาน พื้นใต้ตู้เสื้อผ้าไฟก็ลุกไหม้ทันที
หลี่ซื่อร้องเสียงแหบ แรกๆตะโกนด่าฟังไม่ได้ศัพท์ ภายหลังถึงเริ่มขอร้องมู่หยุนเหยา “เหยาเอ๋อ ข้าเป็นย่าของแก แกช่วยข้า ช่วยชีวิตข้า!”
“ย่า เมื่อวานท่านแม่คุกเข่าอ้อนวอนแก ขอให้แกไม่ขายพวกเราไป แกยังไม่ยอม แล้วแกคิดว่าตอนนี้ข้าควรช่วยแกไหม?”
“ไม่ ข้าไม่ขายพวกแกแล้ว วันหลังพวกเราสามคนใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันนะ”
“อา พูดแล้วดูน่าฟัง แต่น่าเสียดาย ตั้งแต่ที่คำพูดมันพ่นออกมาจากปากแก ข้าก็ไม่เชื่อแล้ว! แต่แกอย่าพึ่งหมดหวังไป ข้ายังไม่ปล่อยให้แกตาย” อย่างน้อยตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา
ขณะกล่าว ได้เสียงร้องวุ่นวายของการดับเพลิงอยู่ข้างนอก ไฟไหม้บ้านไม่ขาดตอนจนท่อนไม้ล้มลง
ท่อนไม้ที่กำลังลุกไหม้ตกต่อหน้ามู่หยุนเหยา ซูชิงคิดจะดึงนางหลบ แต่มู่หยุนเหยาไม่ขยับ “ท่านแม่ ไม่ต้องกลัว ข้าต้องปกป้องท่านแม่”
พูดจบ นางมองดูท่อนไม้ที่กำลังไฟลุกอยู่บนพื้น กัดฟันก้มลงคว้ามันขึ้นมา!
เสียงเปลวไฟดัง “เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ” ผิวของมู่หยุนเหยาโดนไฟแผดเผา มู่หยุนเหยาเจ็บจนกัดริมฝีปากแตก
ซูชิงร้องเรียก “เหยาเอ๋อ!”
มู่หยุนเหยาหน้าซีดจนปล่อยมือ มือเละเป็นแผลเหวอะหวะ นางจับหน้าซูชิง บนหน้านางเต็มไปด้วยรอยดำและคราบเลือด หลังจากนั้นก็กัดฟันไปดันตู้เสื้อผ้า “ท่านแม่ ช่วยข้าดันหน่อย ช่วยย่าออกไป!”
“เหยาเอ๋อ…”
“ท่านแม่เชื่อข้า!” นางไม่มีเวลาอธิบายอะไรให้ชัดเจน
หลี่ซื่อหวาดผวา “ปีศาจ แกมันเป็นปีศาจ ช่วยด้วย ช่วยด้วย! นังสารเลว นังมารร้าย มีดพันเล่มจากดาวมฤตยู ไปให้พ้น ออกไป!” ถ้าไม่ใช่ปีศาจ ทำไมโหดเหี้ยมกับตัวมันเองขนาดนี้
มู่หยุนเหยาสีหน้าเย็นชา พึ่งยกตู้เสื้อผ้ามุมหนึ่ง พอได้ยินก็ปล่อยมือทันที กร๊อก เสียงกระดูกหัก! ขาของหลี่ซื่อเดิมทีก็หักอยู่ก่อนแล้ว ตอนนี้เกือบจะหักเป็นสองท่อน จนนางทนไม่ไหวเป็นลมไป
ซูชิงช่วยมูหยุนเหยายกตู้เสื้อผ้าขึ้น แล้วสองคนก็ช่วยกันลากหลี่ซื่อ ออกไปทางประตูบ้าน