ผู้แต่ง 烟雨芳汀
ตอนที่ 11 ข้าเป็นคนขี้กลัว
“ข้าไม่ต้องการการดูแลของพวกเจ้า แกสองคนมันใจดำอำมหิต ใครจะไปรู้ข้าอาจโดนแอบฆ่าตอนกลางคืนก็เป็นได้?” หลี่ซื่อนึกถึงมู่หยุนเหยาที่แสดงความเลือดเย็นก่อนหน้านี้ ก็สั่นสะท้านไปทั้งตัว
มู่หยุนเหยาเดินไปถึงเบื้องหน้าหลี่ซื่อ ทำท่าเหมือนจะดูอาการบาดเจ็บของนาง พอไม่เห็นมีใครสนใจ ก็แอบกดลงไปที่บาดแผล หลี่ซื่อกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดจนสลบไป
“ท่านย่า ท่านไม่เป็นไรใช่ไหม ท่านย่า….ท่านป้าหยาง รบกวนท่านโปรดช่วยข้าพาท่านย่ากลับบ้านหน่อย”
มู่หยุนเหยารูปร่างบอบบาง แม้จะอายุเพียงสิบสาม แต่เริ่มฉายแววความงาม โดยเฉพาะสองตาคู่นั้น ใสแวววาวเหมือนแสงสะท้อนบนผิวน้ำ ทำให้คนเห็นอดเห็นอกเห็นใจไม่ได้ “เด็กน้อยคนนี้ สุดท้ายก็ใจอ่อน… ช่างมันเถอะ ย่าเธอตอนนี้ขาหัก คิดจะด่าตีพวกเธอก็คงทำไม่ได้ มา มา บ้านตระกูลหยาง มาช่วยกัน”
บ้านของหลี่ซื่ออยู่ไม่ไกล ทั้งๆที่อยู่อาศัยคนเดียวแต่ยังกว้างขวางกว่าบ้านของมู่หยุนเหยาที่อยู่กันถึงสามคน แต่เดิมที่นี่เป็นบ้านที่มู่เฉิงสร้างไว้เพื่ออยู่ร่วมกัน แต่หลี่ซื่อก่อความยากลำบากนับไม่ถ้วนต่อแม่ของนาง นางทำเรื่องรุนแรงขึ้นโดยเฉพาะเหตุการณ์หลังจากที่ท่านแม่คลอดก่อนกำหนด ท่านพ่อเลยสร้างบ้านที่อื่นแล้วย้ายออกไป
หลังจัดการวางหลี่ซื่อแล้ว มู่หยุนเหยาออกไปส่งแขกและกล่าวขอบคุณ ในวันที่หนาวเหน็บเยี่ยงนี้ กลางคืนยิ่งอยู่ยิ่งทำให้หูเย็นจนแข็ง พวกเขาเลยไม่อยากอยู่ข้างนอกต่อไป ทุกคนเลยทยอยจากไปทีละคน
ซูชิงยังไม่หายจากการช็อค คิดอยากจะเปิดปากกล่าววาจาแต่ฟันยังสั่นกระทบกันอยู่ “เหยาเอ๋อ…” เรื่องที่พึ่งผ่านมานี้ ทำให้นางกลัวมาก
มู่หยุนเหยากุมมือนาง แล้วโอบกอดนางไว้ในอ้อมแขนหายใจเบาๆ “ท่านแม่หนาวมาแล้ว ข้าไปจุดไฟก่อน อีกสองชั่วโมงก่อนจะรุ่งสาง เรานอนพักสักครู่”
“เหยาเอ๋อ ย่าของลูกไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”
“วางใจเถอะ นางไม่เป็นอะไร” คนดีอยู่ได้ไม่นาน คนชั่วอยู่นานนับพันปี ยิ่งหลี่ซื่อไม่ต้องกังวลแน่นอน พึ่งจะด่าคนไปหยกๆ แน่นอนว่ายังหายใจดีอยู่
พอจุดไฟเรียบร้อยแล้ว มู่หยุนเหยาดึงซูชิงมานั่งหน้าเตาไฟ ความอบอุ่นค่อยๆแผ่จากช่วงล่างขึ้นมา แต่ความตึงเครียดในจิตใจยังคงไม่ผ่อนคลาย “ท่านแม่ ท่านนั่งก่อน ข้าไปจัดการบาดแผลท่านย่าสักครู่”
“เหยาเอ๋อ แขนลูกได้รับบาดเจ็บ ให้แม่ไปเถอะ”
“บาดแผลเล็กน้อยไม่เป็นอะไร ท่านแม่เชื่อข้าเถอะ” ท่านแม่เป็นคนจิตใจอ่อนโยน หากให้นางดูแลหลี่ซื่อ เกรงจะกลายเป็นนางโดนรังแกฝ่ายเดียว ให้นางไปแทนดีกว่า
ซูชิงรู้สึกไม่เหมาะสม แต่พอเห็นลูกสาวที่ดูสงบเยือกเย็น ก็ทำตามความคิดของนางโดยไม่รู้ตัว
ณ เตียงอิฐใหญ่มาก หลี่ซื่อนอนหงาย ขาบิดโค้ง เลือดไหลออกมาไม่หยุด
มู่หยุนเหยาวางกะละมัง เอาผ้าเช็ดคราบเลือด ทำด้วยความระมัดระวัง แต่ไม่เบามือ หลี่ซื่อเจ็บจนตื่นส่งเสียงร้องคร่ำครวญทันที
“แก แกจะฆ่าข้าใช่ไหม?” หลี่ซื่อหน้าซีด เมื่อคิดถึงท่าท่างที่โหดเหี้ยมของมู่หยุนเหยาในกองไฟ ได้แต่รู้สึกใจสั่น ยิ่งตอนนี้ไม่มีคนนอกอยู่ในเหตุการณ์ ถ้ามู่หยุนเหยาคิดร้าย นางคิดจะวิ่งก็วิ่งหนีไม่ไหว
มู่หยุนเหยายิ้มแสยะ “ท่านย่าพูดอะไร พวกเราคนบ้านเดียวกัน คิดจะทำหน้าที่กตัญญูยังมีเวลาไม่พอ จะมาฆ่าท่านไปทำไม”
“แกมันไม่ใช่คน แกมันเป็นผีปีศาจ แกมันเป็นผีอาฆาตพยาบาท!”
“ไม่ทำเรื่องน่าละอาย ก็ไม่กลัวผีเคาะประตู ถ้าแกไม่ติดหนี้ข้า ยิ่งไม่ต้องกลัวว่าข้าจะมาทวงคืน” มู่หยุนเหยาดัดขาหลี่ซื่ออย่างแรง แล้วเอาผ้าพันซ้อนกันเป็นชั้นชั้น
หลี่ซื่อเจ็บจนเจียนตาย อ้าปากคิดจะด่า แต่มู่หยุนเหยาตีไปที่บาดแผลอย่างแรง
“อา นังสารเลว…. แกจงใจ…”
“ข้าเป็นคนขี้กลัว ท่านย่าไม่ต้องดุด่าข้าแล้ว ท่านแค่เปิดปาก ข้าก็กลัวแล้ว ยิ่งทำให้ไม่รู้น้ำหนักมือ”
หลี่ซื่อกัดฟันอย่างแรง แต่มู่หยุนเหยาก็กดที่บาดแผลนางโดยแรง ทำให้นางไม่กล้าตะโกนด่าตามใจชอบอีก
ซูชิงมองอยู่ด้านข้างด้วยความตื่นตระหนก
“ท่านแม่ ไม่ต้องกลัว พวกเราเข้านอนเถอะ”
“เหยาเอ๋อ มือของลูก…” ซูชิงจับข้อมือนางด้วยความวิตกกังวล มือนางถูกเผาบาดเจ็บอยู่แล้ว พอโดนน้ำยิ่งแย่กว่าเดิม
“ท่านแม่โปรดวางใจ อีกไม่กี่วันก็ไม่เป็นอะไรแล้ว” ผิวพรรณนางดี อาการบาดเจ็บก็หายเร็ว ทั้งยังไม่ทิ้งรอยแผลเป็น ชาติก่อนขาหักไม่มีใครรักษา แถมกระดูกยังโผล่ออกมา สุดท้ายอาการยังดีขึ้น บาดแผลที่มือดูรุนแรง แต่ใช้เวลาไม่กี่วัน ก็จะดีขึ้นเอง ไม่อย่างนั้นนางคงไม่ใช้แผนเอาเนื้อเข้าแลกแบบนี้