ตอนที่ 12 พบพานศัตรูคู่แค้น
มู่หยุนเหยาตื่นนอนในเช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ซูชิงที่ได้รับความหวาดกลัวเมื่อคืน ทำให้ตอนนี้ยังหลับไหลอยู่ นางค่อยๆย่องลงจากเตียง เพราะไม่อยากทำให้นางตื่น
หลี่ซื่อเป็นไข้จนแก้มแดง คิ้วย่นร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวด
มู่หยุนเหยาชำเลืองมองด้วยสายตาเย็นชา เดินไปเอาตะกร้าในห้องเก็บฟืนขึ้นแบกบนหลัง แล้วออกจากประตูเดินไปทางภูเขา สืบเนื่องจากเริ่มต้นเล่นละครตบตา เลยต้องจัดเต็มทุกอย่างให้เป็นธรรมชาติ แม้นางเกลียดชังหลี่ซื่อ แต่ไม่ต้องการให้ชื่อเสียงของนางถูกทำลาย
ชาติก่อน นางไม่มีอะไรเลย ในชาตินี้ นางจึงต้องการทุกสิ่งให้ดีที่สุด ชื่อเสียงก็เป็นหนึ่งในนั้น!
หมู่บ้านเซียะเยี่ยนอยู่รอบนอกเขตเหยี่ยนเฉิง ตั้งอยู่เชิงเขาเยี่ยนซาน บนเขามีต้นไม้ขึ้นเขียวชอุ่ม มีพืชสมุทรไพรป่านานาพรรณ ปกติถ้าชาวบ้านไม่สบาย จะขึ้นเขามาหาสมุนไพรต้มดื่ม โดยมากก็จะค่อยๆทุเลา
ลมแรงในฤดูหนาว พัดจนหน้าเย็นเหมือนมีเข็มเรียวเล็กทิ่มแทง เจ็บปวดมากมาย แต่มู่หยุนเหยาก็ก้าวต่อไปไม่ชักชา ที่มุมปากปรากฏรอยยิ้ม
บนยอดเขาพืชพรรณนั้นเหี่ยวเฉา เป็นเรื่องยากในการแยกแยะชนิดของสมุนไพร แต่นางซึ่งมีสายตาที่เฉียบคม สามารถหายาห้ามเลือดและยาสลบที่ทำจากเถามะเขือยาวได้อย่างรวดเร็ว พอขุดเสร็จนางก็เดินไปทางหลังเขา
ที่หลังเขามีน้ำตก ที่มีกระแสน้ำอุ่นตลอดปี นางต้องการไปหางูที่ริมน้ำ เพื่อมอบเป็นของขวัญให้กับเศรษฐีจางที่รับท่านแม่นางไปเป็นนางบำเรอ
ของขวัญ เซ่นไหว้!
ข้ามสันเขาที่คดเคี้ยวไปมา ก็ได้เห็นหมอกจางๆลอยขึ้นมาปกคลุมอยู่ มู่หยุนเหยาดีใจจนรีบก้าวไป วางตะกร้าบนหลังลง เอาน้ำอุ่นล้างหน้าล้างตา ในใจรู้สึกรื่นรมย์ จนปรากฏรอยยิ้มที่มุมปากขึ้น ที่นี่มีน้ำอุ่น ทำให้พืชนานาพรรณโดยรอบเขียวชอุ่ม โดยธรรมชาติของงูนั้นชอบขุดหลุมจำศีลตามสุมทุมพุ่มไม้
เมื่อตรวจสอบรอบบริเวณเห็นเป็นที่ที่มีพืชพรรณอุดมสมบูรณ์ นางเหยียบก้อนหินข้ามลำธารน้อย หมอบร่างก้มลงแล้วแหวกหญ้าออก สักพักรู้สึกเหมือนมีแสงวาบผ่านตา มีมีดพาดที่ลำคอนางอยู่
“แกเป็นใคร?”
เสียงทุ้มต่ำนำพาความเย็นยะเยือก ทุกถ้อยคำคมเหมือนดั่งคมมีด มู่หยุนเหยาแข็งไปทั้งตัว ความหนาวเย็นแผ่ซ่านไปทั่วแผ่นหลัง จนทำให้นางหลังเหงื่อเย็นในชั่วพริบตา “ข้าน้อยเป็นคนในหมู่บ้านเซียะหยานที่ตีนเขานี้ ขึ้นเขามาเก็บสมุนไพร มิได้มีเจตนาคิดร้าย”
ทว่า ใบมีดยังคงพาดอยู่ที่ลำคอ ได้ทิ่มแทงจนรู้สึกเจ็บ มู่หยุนเหยาหรี่ตา รีบกล่าวว่า “ข้าน้อยมียาห้ามเลือด!” นางได้กลิ่นคาวเลือดที่รุนแรง คนคนนี้น่าจะได้รับบาดเจ็บมาไม่น้อย หวังว่าพอเห็นนางมีประโยชน์สามารถช่วยเหลือ คงไม่ขยับมือฆ่านาง!
เสียงสายน้ำไหลลงมา แต่มู่หยุนเหยากลับได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้นดังชัดเจน
ผ่านไปนาน ในที่สุดก็มีการเคลื่อนไหวในพงหญ้า ใบมีดค่อยๆถอนกลับอย่างช้าๆ ผู้ชายที่นั่งอยู่ลุกขึ้น
มู่หยุนเหยาไม่กล้าเคลื่อนไหวเป็นพิเศษ ได้แต่ชำเลืองมอง พอเห็นในใจก็ตื่นตระหนก!
ชายเบื้องหน้านั้นใบหน้าเต็มไปด้วยคราบเลือด แต่ก็ไม่อาจบดบังรัศมีอันสูงส่งได้ หน้าซีด คิ้วขมวด ใบหน้าปราณีตเหมือนหลุดมาจากภาพวาดปฏิมากรรมชิ้นเอก โดยเฉพาะดวงตาสีดำที่ส่องประกายระยิบระยับเมื่อกวาดตาไป เจอกับสายตาที่คมกริบ ดั่งม้าเงินเยือกเย็นในยามค่ำคืน
ไม่ใช่เพราะรูปลักษณ์ของเขาที่ทำให้มู่หยุนเหยาตกใจจนหน้าซีด ที่นางไม่อยากจะเชื่อคือตัวตนของเขา เยว่อ๋อง! เป็นโอรสองค์ที่สี่ หนิงจวินเยว่!
แม้จะเคยเจอกันเพียงครั้งเดียว แต่เพียงแค่ได้พบคนเช่นเขา แม้แค่จะเหลือบมองแค่ชั่วขณะก็ตาม ก็ต้องจดจำเขาได้อีกครั้งแน่นอน เพราะเขามีรัศมีเย็นยะเยือกที่ไม่เหมือนใคร
มู่หยุนเหยาสั่นสะท้านไปทั้งตัวจนหยุดไม่ได้ ความเกลียดชังและกลัวแผ่ซ่านในใจ ท้ายที่สุดนางอยู่ๆก็ต้องมาตายที่จวนเยว่อ๋องด้วยเหตุผลบางอย่าง แต่จวบจนกระทั่งตายนางก็ยังคงไม่รู้ว่าคือเรื่องอะไร แต่กับเยว่อ๋องแน่นอนที่จะหนีไม่พ้นที่จะต้องรับผิดชอบต่อเรื่องนี้
หนิงจวินเยว่เงยหน้าขึ้น ตาสีดำของเขาดูลึกล้ำเยือกเย็น “ยาหละ?”
ทันใดนั้นมู่หยุนเหยาได้สติ ก้มหัวมอง “ข้างลำธาร เดี๋ยวข้าน้อยไปเอามา” ศัตรูเข้มแข็งเราอ่อนแอ นางจะหุนหันพลันแล่นไม่ได้ ยังมี ตอนนี้ยังไม่สามารถทำเรื่องวุ่นวายมากเกินไป ไม่อย่างนั้นจะทำให้ตระกูลซูสังเกตุเห็นก่อนเวลาอันควร เรื่องราวจะย่ำแย่แล้ว
หนิงจวินเยว่ไม่ได้เอ่ยปากแต่อย่างใด มองนางค่อยๆลุกขึ้น ตอนกระโดดเหยียบก้อนหินข้ามลำธารยืนไม่มั่น ทันใดนั้นตกลงไปในน้ำจนชายกระโปรงกับถุงเท้าเปียก
มู่หยุนเหยาจับสายตระกร้าไว้อย่างแรง สูดหายใจเข้าลึกๆเพื่อขจัดสภาพจิตใจที่แปรปรวนออกไป ต้องไม่ทำให้หนิงจวินเยว่เห็นสิ่งที่น่าสงสัย ถ้าไม่อย่างนั้นด้วยนิสัยใจคอของเขา ต้องไม่ปล่อยให้นางมีชีวิตแน่นอน
มู่หยุนเหยายกสมุนไพรส่งให้ สายตาไม่กล้าเหลือบมอง “ข้าน้อยเก็บเสี่ยวจี้ ที่สามารถห้ามเลือดได้”
หนิงจวินเยว่มองสมุนไพรแห้ง แววตามีรัศมีของความหนาวเย็น หญ้าแห้งหนึ่งกำ คงไม่ใช่ให้เขาเคี้ยวมันไปตรงๆใช่ไหม?