ตอนที่ 13 คอเย็น กลิ่นหอม
มู่หยุนเหยาตระหนักทันทีถึงความไม่เหมาะสม รีบมองไปรอบๆ เห็นที่นี่มีกระแสน้ำอุ่น น่าจะทำให้สมุนไพรคลายตัวได้ นางเดินไปไม่ไกล ก็ได้เจอของที่ตามหา รีบดึงไปล้างทำความสะอาด
“ท่านบาดเจ็บที่ไหน?” วัชพืชข้างลำธารสูง สูงถึงไหล่ของหนิงจวินเยว่ นางเพียงแค่ได้กลิ่นคาวเลือด แต่ไม่รู้ว่าเขาบาดเจ็บแค่ไหน
หนิงจวินเยว่มองดูนางด้วยสายตาเย็นชา สักครู่จึงจะเอ่ย “หน้าอก”
หลังถอนวัชพืชออก มู่หยุนเหยาตกใจ เมื่อเห็นเสื้อสีน้ำเงินบนร่างเขาตอนนี้ถูกย้อมกลายเป็นสีแดงฉาน บาดแผลตั้งแต่ไหล่ซ้ายลงมาถึงซี่โครงขวา แผลทะลุทลวงเนื้อจนเห็นกระดูก
หลังจากกล่าวขอโทษ มู่หยุนเหยาปลดเสื้อของหนิงจวินเยว่ออกนางเคลื่อนไหวด้วยความนุ่มนวลแต่ว่องไว เมื่อเห็นบาดแผล อดไม่ได้ที่จะสูดหายใจเข้าลึกๆ บาดแผลทั้งลึกอีกทั้งเลือดสีแดงคล้ำค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีดำ ถ้าไม่ได้รับการจัดการอย่างเหมาะสม ชะตากรรมเขาเกรงว่าจะต้องพบกับจุดจบ
เยว่อ๋องมีตำแหน่งในราชสำนักที่เสื่อมเสีย เขาเป็นถึงโอรสของเว่ยฮองเฮา เดิมทีควรมีตำแหน่งที่สูงส่ง แต่เว่ยฮองเฮาต้องโทษเพราะวางยาพิษลอบปลงพระชนพระโอรส ถึงแม้จะไม่ได้ถูกปลดจากตำแหน่ง แต่ก็ถูกขับไล่ให้ไปอยู่วังเย็น ภายหลังให้กำเนิดเยว่อ๋อง ก็เสียเลือดจนสิ้นพระชนม์ในวังเย็นนั้นเอง เยว่อ๋องตั้งแต่เล็กไม่ได้รับความรักจากฮ่องเต้ ใช้ชีวิตอาศัยอยู่ที่วังเย็นจนกระทั่งมีพระชนม์มายุได้สิบสี่ปี เมื่อพระชนมายุได้สิบสี่เขาได้รับการแต่งตั้งตำแหน่งและรับมอบเยว่ชีดินแดนอันหนาวเหน็บที่ชายแดนทางตะวันตกเป็นของศักดินา
(เยว่ซี ตะวันตกของมณฑลกวางตุ้ง)
เยว่อ๋องหลังสิ้นสุดพิธีรับการแต่งตั้งก็ถูกส่งตรงไปยังเยว่ชีทันที อยู่จนจวบกระทั้งแปดปี ผู้คนในราชสำนักต่างเข้าใจว่า หากกล่าวถึงเยว่อ๋อง ในความเป็นจริงก็ไม่ต่างอะไรกับโดนเนรเทศ ในความทรงจำของนาง เยว่อ๋องควรกลับจากชายแดนในอีกสามปีต่อมา ทำไมตอนนี้ถึงมาปรากฏกายที่ภูเขาเยี่ยนซาน?
“ข้าน้อย… ขอใช้มีดนั้นสักครู่” มู่หยุนเหยากล่าวด้วยความลังเล นางสัมผัสได้ถึงการระวังตัวของเยว่อ๋อง นางกลัวว่าถ้าทำอะไรไม่เข้าท่าจะกลายเป็นขุดหลุมฝังตัวเอง “รอบๆบาดแผลท่านมีเนื้อบางส่วนสกปรกแถมดูแล้วมีพิษด้วย ถ้าไม่กำจัดเนื้อนี้ออก แม้จะใช้ยาห้ามเลือด ก็จะไม่ได้ผลเท่าไร่”
หนิงจวินเยว่ยื่นมีดไปให้ กวาดสายตาเย็นยะเยือกมองไปที่คอเรียวระหงของนางรอบหนึ่ง สาวน้อยนี้ผอมบาง อ่อนแอ หากคิดจะฆ่านางคงง่ายเพียงฝ่ามือเดียว มู่หยุนเหยารู้สึกเย็นวาบที่ต้นคน ราวกับถูกสัตว์ร้ายจ้องมอง อดไม่ได้ที่จะใจเต้นรัว หลังรับมีดมา ค่อยๆเข้าใกล้อกเขาอย่างระมัดระวัง “นายท่านทนเจ็บหน่อย”
หนิงจวินเยว่ไม่สนใจตอบ พลางกวาดตามองไปที่ใบหน้ามู่หยุนเหยาเที่ยวหนึ่ง แล้วกลับมาที่ลำคอนางอีกรอบ เห็นมีรอยฝ่ามือฟกช้ำอยู่บนใบหน้านาง ยังมีรอยบาดแผลจากของมีคม แทบจะมองไม่เห็นเค้าโครงหน้าเดิม แต่ลำคอเรียวระหง ผิวขาวเนียนไร้ที่ติดั่งหยก ตอนที่เขากวาดสายตามองไปนั้น ยังสั่นเล็กน้อย หลังเอียงคอทำให้ปรากฏเลือดซึมออกมา ทำให้เขาอยากจะยื่นมือไปลูบมันออก
ตั้งแต่ต้นจนจบหนิงจวินเยว่ไม่ปริปากสักคำ มู่หยุนเหยาหลั่งเหงื่อออกมา พอเห็นเลือดที่ไหลออกจากบาดแผลกลายเป็นสีแดงสด รีบเคี้ยวสมุนไพรทาบนตัวเขา “เรียบร้อยแล้ว ท่าน…”
ยังไม่ทันกล่าวจบ อยู่ๆก็รู้สึกเย็นวาบที่ลำคอ มือเย็นเฉียบจับรอบคอนางอยู่
หนิงจวินเยว่ค่อยๆชำเลืองสายตา ความรู้สึกสัมผัสคอเรียวงามนุ่มละมุนละไมเหมือนกับหยกอุ่นได้กลิ่นหอมกระจาย เขาตกอยู่ในภวังค์ ค่อยๆขยับนิ้วโป้งเช็ดเลือดออกจากคอนาง แต่กลับรับรู้ถึงการสั่นภายใต้การสัมผัสนั้น
มู่หยุนเหยาตื่นตระหนก ตัวแข็งเหมือนหิน “ข้าน้อยช่วยชีวิตท่าน ท่านคงไม่ทำคุณบูชาโทษโดยการฆ่าข้า?”
ในดวงตามีความสนใจแวบผ่านมา หนิงจวินเยว่บีบมือแน่นขึ้น ก็เห็นนางค่อยๆเบิกตากว้าง มีน้ำใสเอ่อในดวงตานั้น ยังใสกว่าน้ำในลำธารกลางเขา เหมือนตาของแมวขาวตาสองสีที่เขาเคยเลยไว้ตอนเด็ก อ่อนแอและเปราะบางเหมือนกัน ไม่มีทางจะรับแรงกระแทกครั้งเดียวได้
เขาดึงมือกลับ เห็นเชือกแดงใต้คอนาง เลยเอามือไปดึงเชือกนั้นออกมา “ติดค้างน้ำใจ ท่านมาขอคืนได้”
มู่หยุนเหยาถอนหายใจอย่างโล่งอก รังสีการฆ่าของเขาจางหายไป “งั้นข้าน้อยขอตัว” กล่าวจบ เห็นเยว่อ๋องไม่กล่าวอะไร นางค่อยๆถอยกลับด้วยความระมัดระวังเป็นอย่างมาก หลังจากนั้นยกตะกร้าขึ้นหลังรีบวิ่งจากไป ในมือยังคงถือมีดที่ช่วยจัดการบาดแผลเขาไว้อยู่
งูก็ยังไม่ทันได้หา เห็นทีมีดด้ามนี้ต้องมาช่วยนางแทนงูแล้ว
วิ่งต่อเนื่องไปครึ่งชั่วโมงจนมาถึงเชิงเขาจึงเห็นร่องรอยของหมู่บ้าน มู่หยุนเหยาถึงค่อยหยุดวิ่งแล้วหอบหายใจถี่ เมื่อเก็บมีดเรียบร้อย แล้วจึงเช็ดเหงื่อที่หน้าผาก ทำตัวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเดินเข้าหมู่บ้านไป
ตอนนี้นางเกรงกลัวความตายเป็นที่สุด เพราะตอนนี้นางมีท่านแม่ที่ต้องปกป้อง หากมีศัตรูยังไม่ได้แก้แค้น แล้วยังมีความปรารถนายังไม่ได้ทำให้สำเร็จ นางต้องมีชีวิตที่ดี ดียิ่งกว่าใครๆ